tag:blogger.com,1999:blog-31880413469965364832024-02-08T06:41:14.000-08:00สานสุ่มไก่saiphin chanthahttp://www.blogger.com/profile/10143880646620720331noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-3188041346996536483.post-74185366067252623162011-04-10T00:50:00.001-07:002011-04-10T00:50:26.043-07:00ประวัติความเป็นมาsaiphin chanthahttp://www.blogger.com/profile/10143880646620720331noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3188041346996536483.post-86408673835221636912011-04-09T23:56:00.000-07:002011-04-10T00:12:54.923-07:00ความเป็นมาของการสานสุ่มไก่<span style="color: #660000; font-size: medium;"><strong>ความเป็นมาของการทำสุ่ม</strong></span><span style="color: #660000;"><span style="font-size: medium;"><strong>ในหมู่บ้านมีชาวบ้านจำนวนมากที่ชื่นชอบและนิยมกีฬาชนไก่ จึงมีการเลี้ยงไก่ชนเป็นจำนวนมาก และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเลี้ยงดูไก่ชนอย่างใกล้ชิดคือสุ่มไก่ ซึ่งสุ่มไก่นี้สานได้ง่าย มีราคาถูกและใช้ประโยชน์ได้ดี การสานสุ่มไก่นี้ได้สืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านานมากสืบทอดมาทั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ จึงได้มีการสานสุ่มสืบต่อกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันก็ได้สานสุ่มเป็นอาชีพ เพราะด้วยวัยที่มากขึ้นทุกวัน ไม่สามารถออกไปทำงานได้ จึงยึดอาชีพสานสุ่มไก่ขายเป็นหลัก และภายในหมู่บ้านก็หาคนที่จะมาสานสุ่มไก่นี้ยากมากส่วนมากก็จะเป็นคนแก่ที่อยู่แต่บ้าน และส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตกันหลายคนแล้ว และในการสานสุ่มไก่ขายก็เป็นการใช้วัสดุธรรมชาติที่มีอยู่มากมายในหมู่บ้านให้เกิดประโยชน์ ตาจึงยึดอาชีพสานสุ่มไก่เป็นหลักและยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย</strong>เครื่องมือและอุปกรณ์</span></span><br />
<span style="color: #660000; font-size: 130%;"><span style="font-size: medium;"><strong>1. เลื่อยคันธนูใช้เลื่อยตัดข้อปลายลำไผ่และเลื่อยตัดปากสุ่มเมื่อสานสุ่มไก่เสร็จแล้ว<br />
2. มีดพร้าใช้ผ่าลำไผ่และเหลาจักตอกไผ่เพื่อแยกส่วนในและส่วนผิวของไผ่ ซึ่งส่วนผิวที่ใช้งานจะมีความเหนียวง่ายต่อการจักสาน<br />
3. ค้อน ใช้ตอกตะขอข้อไผ่หลักหมุดยึดส่วนหัวสุ่มไก่เมื่อสานขึ้นรูป<br />
4. ไม้ไผ่ที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไปอายุประมาณ 2 ปี</strong>วิธีการจักสาน</span><span style="font-size: medium;"><strong>1.การจักตอกไผ่<br />
1.1 ใช้เลื่อยคันธนูเลื่อยตัดข้อปล้องแรกของไผ่ทิ้งเพื่อให้ผ่าลำไผ่ได้สะดวก<br />
1.2 ผ่าลำไผ่ออกมาเป็นเส้น ๆ<br />
1.3 จักตอกเส้นไผ่เป็นตอกยืน ตอกยาว และตอกไผ่ตีน (ส่วนข้อไผ่ที่มีตาไผ่) ความกว้างของตอกแต่ละแบบโดยประมาณ คือ ตอกยืน 1.3–1.7 ซม. ตอกยาว 0.8 ซม.และตอกไผ่ตีน 1.6–2.0 ซม. ซึ่งไผ่หนึ่งลำเหลาจักตอกได้ตอกยืนใช้สานสุ่มไก่ได้ 1 ใบ และตอกยาวสานสุ่มไก่ได้ 2 ใบ<br />
1.4 ส่วนที่เป็นข้อไผ่นำมาเหลาเป็นตะขอข้อไผ่หลักหมุดยึดหัวสุ่ม เพื่อไม่ให้สุ่มขยับเขยื่อนในขณะสานขึ้นรูป<br />
2. การสานสุ่มไก่<br />
2.1 เริ่มจากสานตอกยาวและตอกยืนเป็นหัวสุ่มแบบลายขัด<br />
2.2 ใช้ค้อนตอกตะขอข้อไผ่หลักหมุดยึดหัวสุ่มบนพื้นดินลานกว้าง เพื่อยึดสุ่มไก่ไว้ใน การสานขึ้นรูป<br />
2.3 ใช้ตอกยาวสานรอบ ๆ สุ่มไก่เพื่อขึ้นรูปแบบลายหนึ่ง (ยกหนึ่งข้ามหนึ่ง) โดยจุดเริ่มต้นของตอกยาวแต่ละเส้นเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ เพื่อให้สุ่มไก่ได้รูปทรงกลม<br />
2.4 สานตีนสุ่มไก่ โดยใช้ตอกไผ่ตีนประมาณ 5 เส้น<br />
2.5 ใช้เลื่อยคันธนูเลื่อยตัดส่วนตอกยืนที่ยื่นยาวตีนสุ่มไก่ทิ้งไป</strong>ทางด้านการตลาด</span><span style="font-size: medium;"><strong>สุ่มไก่ชนที่ทำมี 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง และใหญ่ โดยทั่วไปนิยมขนาดกลาง ขายปลีกราคา 70, 80 และ 110 บาท ตามลำดับ หรือแล้วแต่ลูกค้าจะสั่งว่าต้องการได้ขนาดไหน หากให้ไปส่งที่บ้านจะคิดเพิ่มลูกละ 10 บาท แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะมาสั่งและมาซื้อที่บ้าน อายุการใช้งานสุ่มไก่ประมาณ 3 ปี แต่โดยทั่วไปสุ่มไก่แต่ละลูกจะใช้เพียง 1 ปีเท่านั้น</strong>ประโยชน์ของสุ่ม<br />
<strong>ใช้ในการกักขังไก่หรือเป็นการจำกัดบริเวณของไก่ โดยเฉพาะไก่ชนที่คนในหมู่บ้านชอบเลี้ยงเพื่อไม่ให้ไก่ออกไปรบกวนคนข้างบ้าน</strong></span></span><br />
<div style="clear: both;"><span style="font-size: medium;"></span></div><div class="post-footer"><div class="post-footer-line post-footer-line-1"><span class="post-author vcard">เขียนโดย <span class="fn">Mantra</span> </span><span class="post-timestamp">ที่ <a class="timestamp-link" href="http://chetsadamantra.blogspot.com/2010/01/blog-post.html" rel="bookmark" title="permanent link"><abbr class="published" title="2010-01-07T09:26:00-08:00"><span style="color: #777766;">9:26</span></abbr></a> </span><span class="reaction-buttons"></span><span class="star-ratings"></span><span class="post-comment-link"></span><span class="post-backlinks post-comment-link"></span><span class="post-icons"><span class="item-control blog-admin pid-2034762232"><a href="http://www.blogger.com/post-edit.g?blogID=3098785610245231408&postID=6977658746756318422" title="แก้ไขบทความ"><img alt="" class="icon-action" height="18" src="http://img2.blogblog.com/img/icon18_edit_allbkg.gif" width="18" /><span style="color: #338888;"> </span></a></span></span><br />
<div class="post-share-buttons goog-inline-block"></div></div><div class="post-footer-line post-footer-line-2"><span class="post-labels"></span></div><div class="post-footer-line post-footer-line-3"></div><div class="post-footer-line post-footer-line-3"></div><div class="post-footer-line post-footer-line-3"><span class="post-location">ที่มา:http://chetsadamantra.blogspot.com/2010/01/blog-post.html</span></div></div>saiphin chanthahttp://www.blogger.com/profile/10143880646620720331noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3188041346996536483.post-16055576955774660372011-04-09T23:44:00.000-07:002011-04-09T23:44:56.298-07:00ชุมชนบ้านหนองบัวงามสานสุ่มไก่saiphin chanthahttp://www.blogger.com/profile/10143880646620720331noreply@blogger.com0